เชิญติชมได้ที่เมล์นี้นะครับ

angel_memmory@hotmail.com

มีอะไรใหม่

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 4 กับดักมากขึ้น

คืนต่อมาพระเยซูและดิฉันได้ไปยังปีกขวาของนรกอีกครั้งหนึ่ง ดิฉันได้เห็นดังก่อนหน้านี้ ถึงความรักที่พระเยซูมีต่อวิญญาณที่หลงทางอยู่ในนรก และดิฉันรู้สึกถึงความรักของพระองค์ที่มีต่อดิฉันและที่มีต่อพวกเขาเหล่านั้นที่อยู่บนโลก
“ลูกเอ๋ย” พระองค์พูดกับดิฉัน “มิใช่เป็นความประสงค์ของพระบิดาหรอกที่คนใดคนหนึ่งจะพินาศ ซาตานหลอกลวงผู้คนมากมาย และพวกเขาได้ติดตามซาตานไป แต่ว่าพระเจ้ากำลังให้ อภัย พระองค์เป็นพระเจ้าแห่งความรัก พระองค์อาจจะให้อภัยแก่พวกเขา ” ความอ่อนโยนท่วมท้น ได้คลุมอยู่บนใบหน้าของพระองค์ในขณะที่พระองค์พูด
อีกครั้งหนึ่งที่เราเดินอยู่ในท่ามกลางกับดักที่ลุกไหม้และผ่านผู้คนมากยิ่งขึ้นที่อยู่ในความทรมานดังที่ดิฉันได้บรรยายมาแล้วก่อนหน้านี้ พระเจ้าของดิฉัน ช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้ ดิฉันคิด เราเดินผ่านพวกเขามากมายไปเรื่อย ๆ วิญญาณมากมายกำลังถูกเผาไหม้อยู่ในนรก
ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา มือที่ไหม้ไฟได้ยื่นออกมายังพระเยซูคริสต์ มีเพียงกระดูกอยู่ตรงที่เนื้อหนังควรจะมี ก้อนเนื้อสีเทาที่กำลังไหม้และเนื้อหนังที่เน่าเปื่อยห้อยอยู่ ภายในร่างของโครงกระดูกแต่ละโครง เป็นวิญญาณที่เป็นหมอกสกปรกสีเทา ที่ถูกขังไว้ภายในโครงกระดูกแห้งตลอดไป ตลอดกาล ดิฉันสามารถที่จะบอกได้จากเสียงร้องของพวกเขาว่าพวกเขารู้สึกถึงไฟที่ไหม้อยู่ รู้สึกถึงตัว หนอน ถึงความเจ็บปวด และถึงความสิ้นหวัง และเสียงร้องของพวกเขาทำให้วิญญาณของดิฉันเติมไปด้วยความเศร้าระทมอย่างไหญ่หลวงเสียจนกระทั่งว่าดิฉันไม่สามารถที่จะบรรยายมันได้ ถ้าเพียงแต่ว่าพวกเขาจะได้ฟังเท่านั้น ดิฉันคิด พวกเขาก็อาจจะไม่ต้องมายังที่นี่
ดิฉันรู้ว่าผู้หลงผิดในนรกมีจิตสำนึกของพวกเขาในทุกประการ พวกเขาจดจำได้ถึงทุกสิ่งที่ได้ถูกบอกแก่พวกเขามาก่อน พวกเขารู้ว่าไม่มีทางออกจากเปลวไฟและรู้ว่าพวกเขาสูญเสียตลอดไปอย่างไรก็ตาม โดยปราศจากความหวังแล้ว พวกเขายังคงมีหวังในขณะที่พวกเขาร้องออกมายังพระเยซูคริสต์เพื่อขอความเมตตา
และเราหยุดที่กับดักถัดมา มันเหมือนกันกับ กับดักอื่น ๆ ทั้งหมดอย่างแท้จริง ภายในกับดัก มีร่างของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งดิฉันรู้ได้ว่าเป็นผู้หญิงจากเสียงของเธอ เธอร้องตะโกนมายังพระเยซูคริสต์เพื่อขอให้ช่วยให้รอดพ้นจากเปลวไฟ
พระเยซูคริสต์มองที่ผู้หญิงคนนี้ด้วยความรักและตรัสว่า “เมื่อตอนที่เจ้าอยู่บนโลก เราได้เรียกเจ้าให้มาหาเรา เราขอร้องให้เจ้าทำให้หัวใจของเจ้าตรงต่อเราก่อนที่มันจะสายเกินไป เราได้เยี่ยมเจ้าหลายครั้งในชั่วโมงกลางคืนเพื่อที่จะบอกเจ้าถึงความรักของเรา เราขอร้องเจ้า เรารักเจ้า และดึงให้เจ้ามาหาเราโดยจิตวิญญาณของเรา
“ค่ะ พระเจ้า” เจ้าพูด “ ดิฉันจะมาตามพระองค์” โดยริมฝีปากของเจ้า เจ้าพูดว่าเจ้ารักเรา แต่ว่าหัวใจของเจ้ามิได้ หมายความเช่นนั้น เรารู้ว่าหัวใจของเจ้าไปอยู่ ณ ที่ใด เราส่งผู้ส่งข่าวไปยังเจ้าเพื่อบอกเจ้าให้สำนึกถึงความผิดบาปของเจ้าและมาหาเรา แต่ว่าเจ้ามิได้ฟังเรา เราต้องการที่จะใช้เจ้าให้เอาใจใส่ต่อคนอื่นๆให้ช่วยคนอื่นๆให้พบเรา แต่ว่าเจ้าต้องการโลกและมิใช่ต้องการเรา เราเรียกเจ้า แต่เจ้ามิได้ฟังเรา มิได้สำนึกถึงความผิดบาปของเจ้า ”
ผู้หญิงคนนั้นพูดกับพระเยซูคริสต์ว่า “พระองค์ พระเจ้าข้า พระองค์จำได้ ดิฉันไปโบสถ์อย่างไรบ้างและดิฉันเป็นผู้หญิงที่ดีอย่างไรบ้าง ดิฉันเข้าร่วมในโบสถ์ ดิฉันเป็นสมาชิกของโบสถ์ของพระองค์ ดิฉันรู้ว่าการเรียกของพระองค์อยู่ในชีวิตของดิฉัน ดิฉันรู้ว่าดิฉันจะต้องเชื่อฟังการเรียกนั้นโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น และดิฉันได้ทำเช่นนั้น”
พระเยซูตรัสว่า “หญิงเอ๋ย เจ้ายังคงเต็มไปด้วยการโกหกและความผิดบาป เราเรียกเจ้า แต่ว่าเจ้ามิได้ฟังเรา จริงแล้ว ที่เจ้าว่าเจ้าได้เป็นสมาชิกของโบสถ์แห่งหนึ่ง แต่ว่าการเป็นสมาชิกของโบสถ์มิได้ทำให้เจ้าได้ขึ้นสวรรค์ ความผิดบาปของเจ้านั้นมีมาก และเจ้ามิได้สำนึก เจ้าเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนอื่นๆทำผิด เจ้าดูถูกถ้อยคำของเรา เจ้ามิได้ให้อภัยแก่คนอื่นเมื่อคนอื่นทำร้ายเจ้า เจ้าเสแสร้งว่าเจ้ารับใช้เราเมื่อเจ้าอยู่กับพวกคริสเตียน แต่เมื่อเจ้าห่างจากพวกคริสเตียน เจ้าก็โกหก หลอกลวงและขโมย เจ้าให้ความเอาใจใส่ในการล่อลวงวิญญาณให้ทำความชั่วและชื่นชมกับชีวิตที่เพิ่มทวีขึ้นของเจ้า ทั้งที่เจ้ารู้จักถึงเส้นทางที่ตรงและเส้นทางที่แคบ ”
“และ” พระเยซูตรัส “เจ้ายังมีลิ้นสองแฉกอีกด้วย เจ้าพูดเกี่ยวกับพี่น้องชายหญิงของเจ้าในพระคริสต์ เจ้าตัดสินพวกเขาและคิดว่าเจ้าดีงามยิ่งกว่าพวกเขา เมื่อมีความผิดบาปที่ร้ายแรงในใจของเจ้า สิ่งนี้เรารู้ เจ้ามิได้ฟังวิญญาณอันอ่อนหวานแห่งความสงสารของเรา เจ้าตัดสินภายนอกของผู้คน โดยมิได้ตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่ว่าผู้คนมากมายเป็นเด็กในความเชื่อ เจ้าเป็นคนแข็งกระด้างมาก
ถูกแล้ว เจ้าพูดว่า เจ้ารักเราด้วยริมฝีปากของเจ้า แต่ว่าหัวใจของเจ้านั้นอยู่ห่างไกลจากเรา เจ้ารู้จักวิถีทางแห่งพระเจ้าและเจ้าก็เข้าใจ เจ้าเล่นกับพระเจ้า และพระเจ้ารู้ทุกสิ่งทุกอย่าง หากเจ้าได้รับใช้พระเจ้าด้วยใจจริง เจ้าก็ไม่ต้องมา ณ ที่แห่งนี้ในวันนี้ เจ้าไม่สามารถที่จะรับใช้ซาตานและพระเจ้าในเวลาเดียวกัน ”

พระเยซูคริสต์หันมาทางดิฉันและตรัสว่า “ผู้คนมากมายในวันสุดท้ายจะออกห่างจากความเชื่อ ให้ความสนใจที่จะล่อลวงวิญญาณและจะรับใช้ความผิดบาป จงออกมาจากท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ และแยกจากกัน จงอย่าเดินในเส้นทางกับสิ่งเหล่านั้น ” ในขณะที่เราเดินจากไป ผู้หญิงคนนี้เริ่มต้นสาปแช่งและสบประมาทต่อพระเยซูคริสต์ หล่อนกรีดร้องและร้องไห้ด้วยความโกรธแค้น เราเดินต่อไป ดิฉันอ่อนแรงเสียจริงในทางร่างกาย
ในกับดักถัดมาเป็นร่างของโครงกระดูกอีกร่างหนึ่ง ดิฉันได้กลิ่นแห่งความตายแม้กระทั่งก่อนที่เราจะมาถึง โครงกระดูกนี้ดูเหมือนกับโครงกระดูกอื่น ๆ
ดิฉันสงสัยว่าวิญญาณนี้ได้ทำอะ ไรที่ทำใ ห้วิญญาณนั้นต้องหลงทางและไม่มีความหวัง โดยไม่มีอนาคตนอกจากต้องอยู่ในสถานที่อันน่ากลัวนี้ไปชั่วนิรันดร์ นรกนั้นมีอยู่อย่างชั่วนิรันดร์ในขณะที่ดิฉันได้ยินเสียงร้องของวิญญาณที่ถูกทรมาน ดิฉันร้องไห้ด้วยเหมือนกัน
ดิฉันฟังในขณะที่หญิงคนหนึ่งพูดกับพระเยซูคริสต์จากเปลวเพลิงของกับดัก เธอกำลังอ้างถึงพระคำของพระเจ้า “พระเจ้าที่รัก เธอกำลังทำอะไรอยู่ ณ ที่นี่ค๊ะ” ดิฉันถาม
“จงฟัง” พระเยซูคริสต์ตรัส
หญิงคนนั้นพูด “พระเยซูเป็นเส้นทาง เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีใครที่จะไปถึงพระบิดาได้ นอกจากไปโดยผ่านพระองค์ พระเยซูเป็น แสงสว่างของโลก จงมาหาพระเยซู และพระองค์จะช่วยให้ท่านรอด ”
เมื่อเธอพูด วิญญาณที่หลงทางมากมายรอบ ๆเธอฟังเธอ วิญญาณบางดวงสบประมาทและสาปแช่งเธอ วิญญาณบางดวงบอกให้เธอหยุด ยังคงมีวิญญาณอื่นพูด “มีความหวังจริงๆหรือนี่ ” หรือ “ช่วยเราด้วยเถิดพระเยซู ” เสียงร้องไห้แห่งความโศกเศร้ามากมายเต็มอยู่ในบรรยากาศ
ดิฉันไม่เข้าใจว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น ดิฉันไม่รู้ว่าทำไมหญิงคนนี้จึงกำลังเทศนาพระคัมภีร์อยู่ที่นี่
พระเจ้ารู้ความคิดของดิฉัน พระองค์ตรัสว่า “เด็กเอ๋ย เราเรียกหญิงคนนี้ในตอนที่เธออายุ 13ปีให้เทศนาถ้อยคำของเราและให้เป็นพยานถึงพระคัมภีร์ เราเรียกคนอื่น ๆ ที่แตกต่างกันเพื่อจุดประสงค์ที่แตกต่างกันในร่างของเรา แต่ว่าถ้าหากว่าผู้ชายหรือผู้หญิง เด็กชายหรือเด็กหญิง ไม่ต้องการวิญญาณของเรา เราก็ต้องจากมา
ถูกแล้ว เธอได้ตอบการเรียกร้องของเราเป็นเวลานานปี และเธอมีความรู้เติบโตขึ้นในพระเจ้า เธอทำตามเสียงเรียกของเรา และเธอได้ทำการงานอันดีงามมากมายเพื่อเรา เธอได้ศึกษาพระคำของพระเจ้า เธออธิษฐานภาวนาบ่อย ๆ และเธอมีคำอธิษฐานที่ได้รับคำตอบแล้วมากมาย เธอได้สอนผู้คนมากมายในวิถีทางแห่งความบริสุทธิ์ เธอเป็นคนซื่อตรงในบ้านของเธอ
หลายปีผ่านไปจนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้พบว่าสามีของเธอกำลังมีกิจกับ ผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ได้ร้องขอการให้อภัย เธอขมขื่นยิ่งขึ้นและไม่อภัยให้แก่เขาและเธอพยายามที่จะทำให้การแต่งงานของเธอดำรงอยู่ แท้จริงแล้ว สามีของเธอผิด และเขาได้กระทำความผิดบาปที่ร้ายแรงมาก
แต่ว่าหญิงคนนี้ได้รู้ถ้อยคำของเรา เธอรู้ที่จะให้อภัย และเธอรู้ว่าโดยการโน้มน้าวใจในทุกประการก็จะมีหนทางแห่งความรอด (มีทางออกต่อปัญหานี้) สามีของเธอขอร้องเธอให้อภัยให้เขา เธอไม่อาจให้อภัย แทนที่จะให้อภัย ความโกรธแค้นฝังรากลึก ความโกรธเติบโตขึ้นในภายในของเธอ เธอมิได้มอบทางออกนี้ต่อเรา เธอยิ่งขมขื่นยิ่งขึ้นในแต่ละวันและเธอพูดในใจของเธอว่า “ที่นี่ฉันกำลังรับใช้พระเจ้าตลอดทาง และสามีของฉันกลับกำลังเที่ยวเตร่ไปกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ท่านคิดว่านี่เป็นความยุติธรรมแล้วหรือ ” เธอพูดกับเรา “ไม่เลย มันไม่ยุติธรรม “แต่ว่าเขามาหาเจ้าและสำนึกและพูดว่าเขาจะไม่ทำเช่นนั้นอีกต่อไป ”
เราบอกเธอ “ลูกเอ๋ย จงมองเข้าไปในภายในของเจ้า และมองไห้เห็นว่าเจ้าเป็นต้นเหตุนี้ด้วยตัวของเจ้าเอง ”
“มิใช่ฉัน พระเจ้าข้า ” เธอพูด “ฉันเป็นผู้บริสุทธิ์ และเขาเป็นคนบาป ” เธอไม่ฟังเรา
เวลาผ่านไปและเธอไม่อธิษฐานภาวนาเพื่อเราหรืออ่านพระคัมภีร์ไบเบิ้ล เธอโกรธมิใช่เฉพาะต่อสามีของเธอเท่านั้น แต่ยังโกรธคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบตัวเธออีกด้วย เธออ้างพระคัมภีร์ แต่เธอไม่สามารถอภัยให้แก่เขา
เธอไม่ฟังเรา หัวใจของเธอขมขื่นยิ่งขึ้น และความผิดบาปที่ยิ่งใหญ่ได้เข้ามาในหัวใจของเธอ เจตนาที่จะฆ่าเติบโตขึ้นในจุดที่ครั้งหนึ่งเคยมีความรักอยู่ และวันหนึ่งในความโกรธแค้นของเธอ เธอได้ฆ่าสามีของเธอและผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ในตอนนี้เองซาตานได้ครอบงำเธอโดยสมบูรณ์ และเธอได้ฆ่าตัวตาย
ดิฉันมองดูที่วิญญาณที่หลงทางที่ได้ละทิ้งพระเยซูคริสต์ และ ตัดสินวิญญาณของเธอให้อยู่ในกองเพลิงและ อยู่ในความเจ็บปวดชั่วนิรันดร์ ดิฉันฟังในขณะที่เธอตอบพระเยซูคริสต์” “ดิฉันจะยกโทษให้เดี๋ยวนี้ค่ะ พระเจ้า” เธอพูด “ขอให้ฉันออกไปเถิด ดิฉันจะเชื่อพระองค์เดี๋ยวนี้ ดูซี่ พระเจ้า ดิฉันกำลังเทศนาพระคำของพระองค์เดี๋ยวนี้แล้ว ในหนึ่งชั่วโมงนี้ปีศาจร้ายจะมาเอาฉันไปสู่การทรมานที่มากยิ่งขึ้นไปอีก เป็นเวลาชั่วโมง ๆ ที่ปีศาจร้ายจะมาทรมาน ดิฉัน เพราะว่าฉันเทศนาถ้อยคำของพระองค์ การถูกทรมานของฉันยิ่งเลวร้ายยิ่งขึ้น ได้โปรดเถิด พระองค์เจ้าข้า ฉันขอวิงวอนพระองค์ให้ช่วยฉันออกไป ”
ดิฉันร้องไห้ไปกับผู้หญิงในกับดักและขอร้องพระเจ้าได้โปรดรักษาดิฉันให้รอดพ้นจากความขมขื่นแห่งจิตใจในประการทั้งปวง “อย่าอนุญาติให้ความเกลียดชังมาสู่หัวใจของดิฉันเลย พระเยซูพระเจ้าข้า ” ดิฉันพูด
“มาเถิด เราไปกันเถิด” พระเยซูตรัส
ในกับดักถัดมาเป็นวิญญาณของชายคนหนึ่งที่ถูกมัดในร่างของโครงกระดูก กำลังร้องต่อพระเยซูคริสต์ว่า “พระเจ้า” เขาร้อง “ ช่วยข้าพเจ้าให้เข้าใจว่าทำไมข้าพเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่”
พระเยซูตรัส “จงมีสันติ จงสงบ เจ้ารู้ ว่าทำไมเจ้าจึงมาที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้”
“ขอให้ข้าพเจ้าออกไป และข้าพเจ้าจะเป็นคนดี” ชายคนนั้นวิงวอน
พระเยซูตรัสกับเขา “แม้กระทั่งอยู่ในนรกเจ้าก็ยังคงกำลังโกหก”
ครั้นแล้วพระเยซูหันมาทางดิฉันและตรัสว่า “ชายคนนี้มีอายุได้ 23 ปีเมื่อเขามายังที่นี่ เขามิได้ฟังพระคัมภีร์ของเรา เขาได้ฟังถ้อยคำของเราหลายครั้งและมักจะอยู่ในบ้านของเราบ่อย ๆ เราได้นำเขาโดยวิญญาณของเราให้ไปสู่การช่วยวิญญาณ แต่ว่าเขาต้องการโลกและต้องการตัณหาของโลก เขาชอบดื่มและไม่สนใจการเรียกของเรา เขาถูกชูขึ้นในโบสถ์ แต่ว่าเขามิได้มอบตัวเขาเองให้แก่เรา วันหนึ่งเขาพูดกับเรา ” ผมจะมอบชีวิตของผมให้พระองค์ในวันหนึ่ง พระเยซู แต่ว่าวันนั้นไม่เคยมาถึง คืนหนึ่งภายหลังงานปาร์ตี้ เขาอยู่ในรถยนต์ ที่ประสบภัยและเสียชีวิต ซานตานได้หลอกลวงเขาจนถึงนาทีสุดท้ายเลยทีเดียว”
เขาถูกฆ่าอย่างฉับพลัน เขาไม่ฟังเราเรียก คนอื่น ๆ ก็ตายในอุบัติเหตุ งานของซาตานคือการฆ่า การขโมยและการทำลาย ถ้าเพียงแต่ว่าชายหนุ่มคนนี้จะฟังเท่านั้น มันมิใช่เป็นความประสงค์ของพระบิดาที่ว่าใครคนหนึ่งคนใดจะถูกทำลาย ซาตานต้องการวิญญาณของชายคนนี้ และซาตานทำลายมันผ่านการไม่ระมัดวังระวัง ผ่านความผิดบาป และผ่านการดื่มอย่างหนัก บ้านและชีวิตมากมายถูกทำลายทุก ๆ ปีเพราะแอลกอฮอล์ ”
ถ้าหากว่าผู้คนเพียงแต่จะเห็นว่าตัณหาและความปรารถนาของโลกเป็นแต่เพียงฤดูกาลหนึ่งเท่านั้น ถ้าหากว่าท่านมาหาพระเยซูเจ้า พระองค์ก็จะช่วยท่านจากการดื่มอย่างหนัก จงเรียกหาพระเยซู และพระองค์จะฟังท่านและช่วยท่าน พระองค์จะเป็นเพื่อนของท่าน จงจำไว้ว่าพระองค์รักท่านและพระองค์ก็ยังมีอำนาจที่จะ ยกโทษให้กับความผิดบาปของท่านด้วย
ชาวคริสต์เตียนที่แต่งงานแล้ว พระเยซูเตือนว่าท่านจะต้องไม่ผิดประเวณี และการมีความปรารถนาต่อคนบางคนที่เป็นเพศตรงข้าม แม้ว่าท่านจะมิได้ผิดประเวณี นั่นก็จะเป็นการผิดประเวณีในหัวใจของท่าน
เยาวชน จงอยู่ห่างจากยาเสพติด และความผิดบาปในทางเพศ หากท่านมีความผิดบาป พระเจ้าจะยกโทษให้ท่าน จงเรียกหาพระองค์ในบัดนี้ ในขณะที่ยังคงมีเวลา จงหาผู้ใหญ่ที่เป็นชาวคริสเตียนที่เข้มแข็ง และถามเขาเหล่านั้นว่าท่านสามารถที่จะพูดกับเขาเหล่านั้นเกี่ยวกับปัญหาของท่านได้หรือไม่ ท่านจะดีใจที่ว่าท่านได้มีเวลาในบัดนี้ ในโลกนี้ก่อนที่มันจะสายเกินไป
ซาตานจะมาเหมือนเทพธิดาแห่งแสงสว่างเพื่อที่จะหลอกลวงโลก ไม่แปลกใจเลยที่ความผิดบาปของโลกดูเหมือนจะทำให้เด็กหนุ่มคนนี้มีความเพลิดเพลิน แม้ว่าเขาจะรู้จักถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าก็ตาม งานปาร์ตี้มาอีกสักครั้งหนึ่ง เขาคิด พระเยซูจะเข้าใจ แต่ว่าความตายนั้นไม่มีความเมตตา เขาคอยจนสายเกินไป
ดิฉันมองที่วิญญาณของชายคนนี้ และดิฉันนึกไปถึงเด็ก ๆ ของดิฉันเอง “โอ พระเจ้า ขอให้เด็ก ๆ เหล่านั้นรับใช้พระองค์ ” ดิฉันรู้ว่าพวกท่านมากมายผู้กำลังอ่านเรื่องนี้อยู่ มีผู้อันเป็นที่รักของท่าน อาจจะเป็นเด็ก ๆที่ท่านไม่ต้องการให้พวกเขาไปนรก จงบอกเขาเหล่านั้นเกี่ยวกับพระเยซูก่อนที่มันจะสายเกินไป จงบอกให้พวกเขาสำนึกในความผิดบาปและบอกว่าพระเจ้าจะยกโทษให้พวกเขาและทำให้พวกเขาบริสุทธิ์
เสียงร้องของผู้ชายคนนี้ ตรึงอยู่ในภายในของดิฉันเป็นเวลาหลายวัน ดิฉันจะไม่ลืมเสียงร้องแห่งความเสียใจนี้ ดิฉันจำได้ถึงเนื้อที่ห้อยและถูกเผาไหม้อยู่ในเปลวไฟ ดิฉันไม่สามารถลืมความเน่าเปื่อยได้ กลิ่นแห่งความตาย รูที่ครั้งหนึ่งดวงตาเคยอยู่ในรูนั้น วิญญาณสีเทาที่สกปรกและตัวหนอนที่ไต่ผ่านเข้าไปในกระดูก ร่างของเด็กหนุ่มยกแขนขึ้นมายังพระเยซูคริสต์พลางแก้ตัวในขณะที่เราเดินจากไปข้างหน้าสู่กับดักถัดไป
“พระเจ้าที่รัก” ดิฉันสวดมนต์ “โปรดให้กำลังใจดิฉันเพื่อเดินต่อไป”
ดิฉันได้ยินเสียงผู้หญิงที่กำลังร้องไห้ในความสิ้นหวัง เสียงร้องของคนตายได้ยินในทุกแห่งหน
ในไม่ช้าเรามาถึงกับดักที่ผู้หญิงอยู่ เธอกำลังแก้ตัวด้วยวิญญาณของเธอในทุกประการเพื่อขอให้พระเยซูคริสต์นำเธอออกมาจากที่นั่น “พระเจ้าข้า” เธอพูด “ดิฉันไม่ได้มาอยู่ที่นี่นานพอแล้วหรือ การทรมานของดิฉันนั้นนานเกินกว่าที่ดิฉันจะทนทานได้ ได้โปรดเถิด พระเจ้าข้า ให้ดิฉันออกไป” การสะอื้นทำให้ร่างของเธอสั่นไหว และความเจ็บปวดดังที่ว่านั้นปรากฏอยู่ในน้ำเสียงของเธอ ดิฉันรู้ว่าเธอทุกข์ทรมานอย่างใหญ่หลวง
ดิฉันพูด “พระเยซู พระองค์ไม่สามารถทำอะไรได้หรือค๊ะ”
คราวนี้พระเยซูคริสต์ตรัสกับผู้หญิงคนนั้น “ในขณะที่เจ้าอยู่บนโลก” พระองค์พูด “เราได้เรียกแล้วเรียกอีกให้เจ้ามาหาเรา เราได้ ขอร้องให้เจ้านำหัวใจของเจ้าอยู่กับเราโดยตรง ให้ยกโทษให้แก่คนอื่นๆให้ทำสิ่งที่ถูกต้อง ให้อยู่ห่างจากความผิดบาป เราถึงกับไปเยี่ยมเจ้าในชั่วโมงกลางราตรีและนำเจ้าโดยวิญญาณของเราครั้งแล้วครั้งเล่า โดยริมฝีปากของเจ้า เจ้าบอกว่าเจ้ารักเรา แต่ว่าหัวใจของเจ้าอยู่ห่างไกลจากเรา เจ้าไม่รู้หรือไรว่าไม่มีสิ่งใดที่จะซุกซ่อนเจ้าจากพระเจ้าได้ เจ้าหลอกลวงคนอื่น ๆ แต่เจ้าไม่สามารถหลอกลวงเราได้ เราได้ส่งคนอื่นๆไป เพื่อบอกเจ้าให้สำนึก แต่ว่าเจ้ามิได้ฟัง เจ้าไม่ได้ยิน เจ้ามิได้เห็น และเจ้าหันหน้าที่อยู่ในอาการอันโกรธเคืองไปจากพวกเขา เราได้วางเจ้าไว้ ณ ที่เจ้าสามารถได้ยินถ้อยคำของเรา แต่ว่าเจ้าไม่ได้ให้หัวใจของเจ้าแก่เรา
เจ้ามิได้เสียใจ หรือมิได้อับอายในสิ่งที่เจ้ากำลังทำ เจ้าทำหัวใจของเจ้าให้แข็งกระด้าง และหันหนีไปจากเรา บัดนี้เจ้าสูญเสียและเสื่อมตลอดกาล เจ้าควรที่จะฟังเรา ”
คราวนี้ เธอมองที่พระเยซู และเริ่มต้นสบประมาทและสาปแช่งพระเจ้า ดิฉันรู้สึกถึงการมีอยู่ของวิญญาณที่ชั่วร้ายและรู้ว่าพวกวิญญาณที่ชั่วร้ายกำลังสาปแช่งและสบประมาท มันช่างน่าเศร้าเสียนี่กระไรเลยที่จะสูญเสียดวงวิญญาณอยู่ในนรกชั่วกาลปวสาน จงต่อต้านปีศาจร้ายในขณะที่ท่านยังคงอาจจะทำได้ และมันจะหลบหนีไปจากท่าน
พระเยซูตรัส “โลกและทุกสิ่งที่อยู่ในโลกนั้นจะสิ้นสุดลง แต่ว่าถ้อยคำของเราจะไม่สิ้นสุดลง”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น